Standard Operation Procedure (SOP) หรือ ขั้นตอนทำงานมาตรฐานขององค์กรต่างๆ ที่ถูกกำหนดบทบาทตามการทำงานของหน่วยงานนั้นๆ และให้ยึดเป็นหลักในการปฏิบัติงาน ซึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ๆ SOP อาจแยกย่อย SOP ออกเป็นฝ่ายงาน หรือกลุ่มพนักงานเป้าหมาย เช่น SOP ของพนักงานขาย SOP ของการบริการหลังการขาย เป็นต้น
การมี SOP ดีออย่างไร
1. ลดความผิดพลาดในการทำงาน
2. ควบคุมคุณภาพของการทำงาน
3. สร้างมาตรฐานในการทำงาน

ดังนั้นในทุกๆ ส่วนงานในการทำงานจึงควรมีการการนำ SOP มาใช้ในองค์กร เพื่อให้คนทุกคนได้ปฏิบัติในกระบวนการที่เป็นมาตรฐานเหมือนกัน
หลักสูตร SOP คืออะไร
จากประสบการณ์การทำงานของทางบริษัท Muchmorethan นั้นส่วนใหญ่ผู้เรียน หลังจากอบรมไปเนื้อหาความรู้ หรือกลยุทธ์ที่ผู้เรียนตั้งใจทำมาใน Class นั้นอาจไม่ได้ถูกใช้ หรือพอกลับมาหน้างานจริงไม่สามารถนำหลักการมาประยุกต์ได้ ดังนั้น Muchmorethan จึงประยุกต์แนวทางรูปแบบการสอน เป็น หลักสูตร SOP ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจในรูปแบบการทำ Standard Operation Procedure (SOP) หลังจากนั้นผู้เรียนจะได้หลักการของวิทยากร เพื่อเป็นหลักในการทำงานจากหลักสูตรนี้ หรือ “Prototype SOP” ซึ่งเป็นกรอบ SOP ที่ผู้เรียนจะนำไปต่อยอดกับงานของบริษัทได้ เช่น
SOP กับงานขาย (SOP กระบวนการเจรจาต่อรอง ,SOPการขายแบบ B2B เป็นต้น)
SOP กับงานบริการหลังการขาย (SOP ในการติดตามลูกค้า ในรอบ 1 ปีของลูกค้าฉันต้องคุยอะไรบ้าง)

ซึ่งในส่วนของหลักสูตร SOP นั้นจะแตกต่างจากหลักสูตรทั่วไป เนื่องจากเป็นการประยุกต์จากข้อมูลขององค์กรลูกค้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการ รวบรวมข้อมูลจากลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนา เป็นรูปแบบที่เหมาะสม กับอุตสาหกรรมลูกค้า เพราะเนื่องจากแต่ละอุตสาหกรรมจะมีรูปแบบในการดำเนินธุรกิจไม่เหมือนกันนั่นเอง

หากผู้อ่านสนใจให้ปรึกษาทางบริษัทเกี่ยวกับการอบรม SOP ให้กับหน่วยงานของท่านสามารถปรึกษาได้ที่
Email : Salemuchmorethan@gmail.com
โทร : 0635329142 / 0817356290

Muchmorethan บริษัทฝึกอบรม สำหรับองค์กร โดยมีหลักสูตรเทรนนิ่งที่ตอบโจทย์ธุรกิจในยุคปัจจุบัน และมีวิทยากรจากบริษัทชั้นนำของประเทศที่ให้การฝึกอบรมพนักงานมาหลายบริษัท
สนใจหลักสูตร หรือขอรายละเอียดได้ที่ salemuchmorethan@gmail.com
หรือโทร 0817356290
หรือทิ้งรายละเอียดข้อมูลสอบถามให้ทางเราติดต่อกลับได้ที่ https://muchmorethan.co.th/contactus

The post SOP คืออะไร – หลักสูตร SOP appeared first on MUCH.MORE.THAN.

มาสคอต คืออะไร แล้วมีไว้ทำไม ?

มาสคอต คืออะไร แล้วสร้างมาทำไม ?
Mascot (มาสคอต) หรือ การ์ตูนสัญลักษณ์ คือ สิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของบางอย่าง ที่ถูกใช้นำมานำเสนอหรือเป็นตัวแทนสู่สาธารณชน ซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของสิ่งต่างๆ เช่น ทีมกีฬา งานอีเวนท์ องค์กรต่างๆ หรือในบางประเทศก็ใช้มาสคอตเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดเลย
คำว่า Mascot (มาสคอต) คาดการณ์ว่า น่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ในฝรั่งเศส โดยมาจากคำว่า “Mascoto” ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสนั้นจะมีความหมายว่า “แม่มด” หรือหมอผี และก็ให้เกิดคำเรียกเครื่องรางของ“แม่มด” หรือหมอผี เหล่านั้นว่า “Mascotte” ซึ่งแปลว่าเครื่องรางของหมอผีนั่นเอง โดยช่วงแรกๆคำนี้จะใช้ในการอวยพรโชคให้เข้าข้างสำหรับนักพนัน และคำนี้ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงปี 1880 ที่ฝรั่งเศสได้เล่นละครโอเปราชื่อว่า “La Mascotte (The Mascot)” ซึ่งละครมีเรื่องราวเกี่ยวกับเกษตรกรชาวอิตาเลียนที่เพาะปลูกพืชอะไรก็ไม่ขึ้นจนกระทั่งได้พบกับหญิงสาวแปลกหน้านามว่า Bettina ที่ให้การช่วยเหลือ และทำให้พืชผลของเขางอกงาม ด้วยเหตุนี้เอง Bettina จึงเป็นผู้ที่นำเอาโชคลาภ และสิ่งดีๆมาให้ รวมถึงชื่อของละครก็ได้ถูกพูดถึงเป็นความหมายถึง สิ่งที่จะเอาโชคลาภ และสิ่งดีๆมาให้นั่นเอง

สำหรับวงการกีฬา เช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) ได้มีการจัดทำตัวนำโชคแตกต่างกันไปในแต่ละปีเพื่อสื่อถึงที่มาและความสำคัญของประเทศเจ้าภาพ เช่น มาสคอตสีน้ำเงิน สำหรับกีฬาโอลิมปิก 2020 นั้นสื่อถึงทั้งธรรมเนียมประเพณีแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมล่าสุด โดยมีภาพลักษณ์แบบดั้งเดิมที่หมายถึงขนบธรรมเนียมประเพณี พร้อมกับอารมณ์ความรู้สึกแบบไฮเทคที่สะท้อนถึงความทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวอีกด้วย กล่าวคือมีภาพลักษณ์แบบนักกีฬาและสัมผัสได้ถึงการเป็นผู้รักความยุติธรรมอย่างแรงกล้า และว่ากันว่ามาสคอตตัวนี้ยังสามารถวาร์ปได้อีกด้วย
ที่มาข้อมูล : jpninfo และ Wikipedia
ที่มาภาพ : Wikipedia

 

สำหรับต่างประเทศที่นำมาสคอตเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัด
คุมะมง (ญี่ปุ่น: くまモン โรมาจิ: Kuma-mon) เป็นมาสคอตหมีเพศผู้ ซึ่งสร้างโดยรัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดคูมาโมโตะ บนเกาะคีวชูทางภาคใต้ของญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2553 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับการเปิดเส้นทางการเดินรถไฟชิงกันเซ็งสายคีวชู ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค จากนั้นไม่นานคุมะมงก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว ในปลายปีเดียวกันคุมะมงได้รับการโหวตจากชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศจนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดตุ๊กตาสัญลักษณ์จากจำนวน 350 ตัวที่แต่ละท้องถิ่นส่งเข้าประกวด
หลังจากคุมะมงเปิดตัวออกมาแล้ว ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีการสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากถึง 23,000 ตัว และนอกจากจะเป็นมาสคอตเพื่อใช้ในการส่งเสริมทางท่องเที่ยวแล้ว ยังใช้เป็นสัญลักษณ์ในการปลอบประโลมและเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ. 2559 และหาทุนเพื่อบูรณะซ่อมแซมปราสาทคูมาโมโตะ ที่ได้รับผลเสียหายด้วย
ที่มาข้อมูล : kumamoto.guide และ Wikipedia
ที่มาภาพ : kumamoto.guide

สำหรับภาคอุตสาหกรรมเกมส์
โจโคโบะ (ญี่ปุ่น: チョコボ โรมาจิ: Chokobo โชะโกะโบะ, อังกฤษ: Chocobo) เป็นสิ่งมีชีวิตในจินตนาการในชุดเกม ไฟนอลแฟนตาซี ของ Square และ Square Enix มีลักษณะเป็นนกขนาดใหญ่สีเหลืองที่บินไม่ได้ สามารถขี่มันเป็นพาหนะหรือจะใช้มันทำอย่างอื่นได้หลายอย่าง โจโคโบะปรากฏครั้งแรกใน Final Fantasy ในภาคที่สอง และให้ถูกให้ความสำคัญในภาคต่อๆมา ทำให้โจโคโบะกลายเป็นตัวละครสัญลักษณ์ประจำเกม Final Fantasy และด้วยความนิยมทำให้มันยังถูกนำไปสร้างเป็นชุดเกมของตัวเองอีกด้วย
ที่มาข้อมูล : Wikipedia
ที่มาภาพ : hiveworkshop

และสำหรับบริษัทมัชมอร์แดนของ Admin นั้น
ใช้สัญลักษณ์เป็น ดินสอ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่อยู่คู่กับการเรียนการสอนกับทุกๆคนมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ซึ่งในภาคของการอบรมนั้นจะมีการทำ Workshop ที่มีการลองผิดลองถูก และกิจกรรมต่างๆที่วิทยากรให้ผู้เรียนได้ฝึกทำ หรือทดสอบ
ซึ่งดินสอนั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นกับการอบรม โดยปกตินั้นดินสอจะจะมีแบ่งระดับความเข้มโดยจะระบุความเข้มของดินสอเอาไว้ด้วยตามระบบยุโรป โดยใช้อักษร “H” (hardness – ความแข็ง) “B” (blackness – ความดำ) และ “F” (fine point – เนื้อละเอียด) ดินสอสำหรับศิลปะจะมีความเข้มหลายขนาดให้เลือกใช้ เพื่อให้มีความเข้ม ความสวยงาม และให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ดินสอที่แข็งและสีอ่อน ไปจนถึงสีเข้มมาก
ซึ่งสำหรับบริษัทมัชมอร์แดน นั้นก็เปรียบเสมือนบริษัทที่จะเลือกใช้ดินสอหรือวิทยากร ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และความต้องการของลูกค้า ซึ่งในบางกรณีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของลูกค้า อาจต้องใช้ดินสอ มากกว่า 1 ประเภทก็เป็นไปได้นั่นเอง

บริษัทฝึกอบรม สำหรับองค์กร โดยมีหลักสูตรเทรนนิ่งที่ตอบโจทย์ธุรกิจในยุคปัจจุบัน และมีวิทยากรจากบริษัทชั้นนำของประเทศที่ให้การฝึกอบรมพนักงานมาหลายบริษัท โดยมีหมวดหัวข้อหลักสูตร เช่น
หลักสูตรการบริการ (Service Excellent)
หลักสูตรบุคลิกภาพ (Personallity)
หลักสูตรความเป็นผู้นำ (Leadership)
ดูรายละเอียดหลักสูตรต่างๆ ที่นี่ (https://bit.ly/37wimQD)
หรือ inbox ขอรายละเอียดหลักสูตรต่างๆได้เลยครับ

The post มาสคอต คืออะไร แล้วมีไว้ทำไม ? appeared first on MUCH.MORE.THAN.

ผู้นำให้สัมภาษณ์อย่าให้พลาด

ด้วยบทบาทของผู้นำ “คำพูด” และ “วิธีการส่งสาร” มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะย่อมส่งผลกระทบถึงผู้อื่นในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น ขวัญและกำลังใจ หรือแนวคิดที่อาจถูกนำไปเป็นนโยบาย หรือแนวทางปฏิบัติ

          การสัมภาษณ์ เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เสมอเมื่อทุกฝ่ายอยากทราบข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือความรู้สึกของท่านผู้นำ

           หากไม่ “เตรียม” ตัว เตรียมข้อมูล หรือเตรียมอารมณ์มาก่อน ก็อาจจะพลาดได้  การให้สัมภาษณ์สั้น ๆ จึงอาจมีผลกระทบอาจยาวเกินคาด

1. “เข้าใจ”สถานการณ์ เข้าถึงอารมณ์ของผู้คนหรือผู้ฟังก่อน คำตอบอาจไปในทำนอง

“เข้าใจ”-แสดงความเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่ได้รับผลกระทบ แสดงให้ทราบว่ารู้ข้อมูล และทำสิ่งใดแล้วหรือยังไม่ได้ทำ

2. “มั่นใจ” ความมั่นใจของเราคือความไว้วางใจของเขา

หากพูดอย่างเชื่อมั่น ย่อมสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้ทุกคนเช่นกัน ส่วนใหญ่เราจะไม่กลัวถ้าเรารู้เรื่อง หรือเห็นภาพเหตุการณ์ชัดเจน ชัดแจ้ง แต่ถ้าไม่ชัดเท่ากับไม่พร้อม อย่าเปิด อย่ารีบที่จะเริ่ม

3. “พร้อม” จังหวะได้

ไม่รีบร้อนให้สัมภาษณ์ทั้ง ๆ ที่ไม่ชัด ไม่ช้าจนดูเหมือนนิ่งนอนใจ พูดหลังคนอื่นอื่นเหมือนไม่ได้ตั้งใจออกมาให้สัมภาษณ์ พูดหลังข้อผิดพลาดอาจดูคล้ายการแก้ตัว

4. ดูแลอารมณ์

ดูแลอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ทักษะดีแค่ไหน เชี่ยวชาญปานใด คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็พัง

5. น้ำเสียง สีหน้า คำพูด

เน้นไปทางให้ข้อเท็จจริงหรือบอกเล่ามุมมองและความรู้สึก ไม่เน้นคำหรือเสียงท้ายประโยคจนอาจดูเหมือนมีเจตนาตำหนิ เสียดสี ประชดประชัน เพราะนั่นจะเท่ากับว่าขาดวุฒิภาวะ

พูดผิดชีวิตเปลี่ยน

ผู้คนจดจำทุกคำพูดไม่ได้

แต่เขาจะจำภาพของผู้นำแย่ ๆ ได้

สนใจหลักสูตรความเป็นผู้นำ ติดต่อขอรายละเอียดอาจารย์ที่ Muchmorethan Click!!!

Share บทความให้คนอื่น

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

The post ผู้นำให้สัมภาษณ์อย่าให้พลาด appeared first on MUCH.MORE.THAN.

วิธีเปิด LOCATION HISTORY บน GOOGLE MAPS

ภัยร้าย COVID-19 จะช่วยคนอื่นๆได้ง่ายด้วย Google Map Apps ประจำมือถือของทุกๆคน ซึ่งจะช่วยเราจดจำเส้นทางการเดินทางในแต่ละวันว่าเราไปที่ไหนมาบ้าง จุดไหนที่ตรงกับข่าวที่ประกาศออกมาเป็นจุดเสี่ยง

ดังนั้น เราจึงขอนำเสนอขั้นตอนในการตั้งค่าสำหรับคนที่เปิดไม่เป็น หรือยังไม่เคยใช้งานมาให้อย่างละเอียด ดังนี้

สนใจหลักสูตร Digital Marketing ติดต่อขอรายละเอียดอาจารย์ที่ Muchmorethan Click!!!

Share บทความให้คนอื่น

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

The post วิธีเปิด LOCATION HISTORY บน GOOGLE MAPS appeared first on MUCH.MORE.THAN.

เข้าสู่เดือนแห่งความรักด้วยคำต้องเลี่ยงเวลาสื่อรัก

ความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่ต้องพูดบ่อยแต่ต้องพูดบ้าง วันสำคัญ ๆ จึงมักเป็นโอกาสหรือจังหวะดี ๆ ให้เราได้บอกความรู้สึกและความปรารถนาดีอีกครั้ง
วาเลนไทน์นี้หากอยากบอกรักใคร ไม่จำเป็นต้องสรรหาคำสวย ๆ แต่ดูไม่ใช่ตัวเรามาใช้ ขอเพียงแค่บอกความรู้สึกที่ตรงกับใจขณะนั้น คำเชย ๆ ก็หวานสุด ๆ แล้ว
แต่หากอยากเพิ่มความพิเศษอีกนิด มีเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังของคำพูด คือ เมื่อไรก็ตามที่จะบอกรัก แสดงความคิดถึง ห่วงหวง หรือชม คำที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้

1. คำว่า "ก็"

“ก็ “ ใช้ ก็ ปุ๊บความหมายดี ๆ จะถูกลดทอนไปทันที เช่น “ก็คิดถึง ก็ชอบ ก็รู้สึกดี ก็รัก” ตัด ก็ ทิ้ง เติม นะ หรือ จัง เข้ามาข้างท้ายฟังซึ้งกว่าเยอะเลย คิดถึงนะ ชอบนะ รู้สึกดีจัง รักนะ

2. คำว่า "แต่"

“แต่” พอมี แต่ ปุ๊บ ดูเหมือนที่พูดมาก่อนหน้าไม่ใช่เลย “ร้านนี้ก็ดีนะแต่ว่าคนจะเยอะรอคิวนานไหม” “ชุดนี้สวยนะแต่ว่าสั้นไปหน่อย” “ฟังดูน่าสนใจนะแต่มีอย่างอื่นให้เลือกไหม” ลองเปลี่ยนจากคำว่า แต่ เป็น ทีนี้ อย่างน้อยคนฟังจะรู้สึกว่าเราไม่ได้ตัดสินแค่ถามหรือปรึกษาหารือ เช่น “ร้านนี้ก็ดีนะทีนี้คนจะเยอะรอคิวนานไหม” “ชุดนี้สวยนะทีนี้สั้นไปหน่อยไหม”

3. คำว่า "เหมือนกัน"

“เหมือนกัน” หากพูดไม่เก่ง เวลาอีกฝ่ายถามความเห็นเพราะอยากรอฟังความรู้สึกในมุมเราบ้าง อย่าลงท้ายว่า”….เหมือนกัน” เช่น รักเหมือนกัน รู้สึกดีเหมือนกัน ชอบเหมือนกัน อยากไปเหมือนกัน ลงท้ายว่า สิ หรือตอกย้ำไปเลยว่า มาก ตลอด เสมอ ฟังดูน่ารักกว่าเลย เช่น รักตลอด รู้สึกดีเสมอ ชอบมาก อยากไปสิ

สนใจหลักสูตรบุคลิกภาพ สามารถขอได้ที่ Link นี้

Share บทความให้คนอื่น

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

The post คำที่ควรหลีกหลี่ยงเวลาสื่อรัก appeared first on MUCH.MORE.THAN.

สาวๆจะทำอย่างไรให้สวยใสภายใต้หน้ากากอนามัย

ฝุ่นและไวรัสที่มากับอากาศทำให้สาว ๆ เวลาออกไปทำงานต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งในวันฝุ่นหนาหรือเข้าไปในที่ที่มีคนพลุกพล่านซึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครกำลังป่วยบ้างหรือไม่ แต่การสวมหน้ากากอนามัยนาน ๆ นอกจากจะอึดอัดหายใจลำบากแล้ว บางครั้งเมื่อถอดหน้ากาก เห็นหน้ากัน ก็เริ่มแยกไม่ออกระหว่างเป็นคนดูแลสุขภาพหรือเป็นคนป่วยจนคนรอบข้างถอยหนี

1. เลือกเครื่องสำอางที่มีสีน้อยที่สุด

เลือกเครื่องสำอางที่มีสีน้อยที่สุดหรือหลีกเลี่ยงสีเข้มสำหรับบริเวณผิวหน้า แก้ม และปาก เพื่อไม่ให้ติดเลอะเทอะบริเวณด้านในของหน้ากาก เวลาถอดออกมา จะใส่กลับเข้าไปใหม่ก็ลำบากใจ หายใจภายใต้หน้ากากที่เลอะเทอะ ดูจะน่ากลัวพอ ๆ กัน

2. เน้นบำรุงแทนการทาแบบเติมแล้วเติมอีก

เน้นบำรุงแทนการทาแบบเติมแล้วเติมอีก กันแดดเนื้อบางเบา นอกจากจะทำหน้าที่เหมือนฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวปกป้องแดด ฝุ่น และมลพิษทั้งหลายไม่ให้มาสัมผัสผิวเราโดยตรงแล้ว ยังช่วยให้ผิวเรากระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ใช้เป็นประจำ ผิวจะดูแข็งแรงขึ้น ไม่แห้งเสีย ไม่อย่างนั้นถอดหน้ากากออกมาอาจดูเป็นทูโทนสีผิวช่วงหน้าผากเข้มกว่าแก้ม เมื่อไม่ต้องลงครีมโน่นนี่นั่นหลายขั้นตอน ผิวจะได้หายใจบ้าง เวลาล้างหน้าทำความสะอาดก็ง่าย

3. ลิปบาล์มบำรุงก็เพียงพอแล้ว

ลิปสติกแบบเนื้อครีมทั้งหลาย ยิ่งทำให้เลอะเทอะเปล่า ๆ ลิปบาล์มบำรุงก็เพียงพอแล้ว เพราะพอสวมหน้ากาก ไม่อยากเปิดบ่อย ๆ บางทีทำให้เราดื่มน้ำระหว่างวันน้อยลง ปากแห้ง แตกไปอีก

4. ทิ้นท์ เป็นทางเลือกที่ดี

ทิ้นท์ เป็นทางเลือกที่ดี ด้วยความที่เนื้อเหมือนน้ำ บางเบา แต่สีสันติดทนนาน จึงสามารถมาแตะแต้มที่แก้ม ปาก หรือดวงตาให้ดูมีสีเรื่อ ๆ ดูสุขภาพดีได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อายแชโดว์ที่ดูแวววาว เพราะอาจทำให้มองดูเหมือนกับเปลือกตาดูบวม ๆ มัน ๆ วาว ๆ ที่สำคัญ เวลาใช้ควรแตะทิ้นท์ที่หลังมือนิดหน่อยใช้นิ้วกด ๆ แตะ ๆ เบา ๆ เกลี่ยสีและเนื้อสักนิดแล้วค่อยมาแตะที่แก้ม เปลือกตา หรือปาก ไม่อย่างนั้นเข้มไปก่อนจะอ่อนลำบากนะจ๊ะ

สนใจหลักสูตรบุคลิกภาพ สามารถขอได้ที่ Link นี้

Share บทความให้คนอื่น

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

The post สาวๆจะทำอย่างไรให้สวยใสภายใต้หน้ากากอนามัย appeared first on MUCH.MORE.THAN.

การสร้างความแตกต่างในการบริการ

1. วางแผนแล้วต้องลงมือทำจริง

ก่อนจะนำไปสู้คำว่า การบริการที่ดี สิ่งต่างๆที่ตั้งใจจะทำ จะบริการลูกค้าที่เกิดจากการวางแผน (แพลนนิ่ง) ต้องลงมือทำจริงๆ มิฉะนั่นทุกอย่างที่วางแผนไว้จะนิ่งสนิท มิฉะนั้นต่อให้มี หลักสูตรการบริการที่ดีแค่ไหนก็ตามก็ไม่อาจสำฤทธิ์ผลได้

2. เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

การทำงานทุกอย่าง รวมถึงการบริการทุกองค์กรย่อมมีตัววัดผล ซึ่งในเรื่องของการบริการควรเน้นการวัดผลเชิงคุณภาพให้มากกว่าเชิงปริมาณ น้อยครั้งแต่ทุกครั้งมากด้วยความประทับใจ

3. ความมุ่งมั่นของพนักงานที่จะสร้างความผูกพันในทุกๆวัน

ความมุ่งมั่นที่จะสร้างความผูกพันกับลูกค้า ในทุกๆวัน โดยการตั้งใจฟังในสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้พูด สังเกตสิ่งที่ลูกค้าทำและนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการโดยที่ลูกค้าไม่ต้องร้องขอ เช่น การนำเสนอหมอนอิงเพื่อพิงหลังระหว่างนั่งเพื่อป้องกันการปวดหลังย่อมสร้างความรู้สึกประทับใจให้กับลูกค้าเหนือความคาดหวัง

4. เหตุผลที่ลูกค้าจะต้องกลับมาใช้บริการของคุณ

หลายปีมาแล้ว อาจารย์เมย์ และครอบครัวเดินทางท่องเที่ยวและพักค้างคืนจังหวัดลำปาง หนึ่งคืนเป็นรีสอร์ทเล็กๆ เจ้าของเป็นคนลำปาง หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย ลูกสาวและลูกชายอาจารย์ ใช้เวลาอยู่ในมุมของเล่นเด็ก ระหว่างที่อาจารย์กำลังคิดว่าจะให้ลูกไปนั่งเล่นที่ไหน เร็วเท่าความคิดครับ เจ้าของนำเสื่อท้องถิ่น มาปูให้และชวนให้ลูกของผมนั่งเล่นบริเวณนั้น
การให้บริการเอื้ออารี (the act of kindness) คืออีกหนึ่งอมตะในความทรงจำของอาจารย์เมย์ครับ
ทุกครั้งที่ผ่านจังหวัดลำปาง เหมือนมีพลัง ดึงดูด ให้อาจารย์เมย์กลับไปพักรีสอร์ทแห่งนี้เสมอ

สนใจหลักสูตรการบริการของอาจารย์เมย์ สามารถขอได้ที่ Link นี้

Share บทความให้คนอื่น

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

The post กลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่างในการบริการ appeared first on MUCH.MORE.THAN.